จำหน่ายเครื่องห่อ เครื่องบรรจุ เครื่องซีล เครื่องรัด – คุณภาพสูง ราคาดีงาม บริการหลังการขาย – Goodtime

ข่าวสารและกิจกรรม
ข่าวสารและกิจกรรม
customer center

โทร.

(66) 2807 6461 ถึง 9

แฟกซ์.

(66) 2807 6460

สายด่วน.

0 2807 6461

หัวข้อ
เครื่องรัดกล่องแบบมือโยก vs กึ่งอัตโนมัติ vs อัตโนมัติ ต่างกันยังไง?

Loading

สิ่งที่แนบมา

เครื่องรัดกล่องแบบมือโยก vs กึ่งอัตโนมัติ vs อัตโนมัติ ต่างกันยังไง?

แนะนำการเลือกใช้งานเครื่องรัดกล่องแบบใดจึงจะเหมาะสมกับธุรกิจคุณ

เครื่องรัดกล่องแบบมือโยก vs กึ่งอัตโนมัติ vs อัตโนมัติ ต่างกันยังไง?

ในยุคปัจจุบันที่ธุรกิจการขนส่ง และ บรรจุภัณฑ์ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว “เครื่องรัดกล่อง” (Strapping Machine) จึงกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้กระบวนการแพ็กสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว เรียบร้อย และ ปลอดภัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า อีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงคลังสินค้า และ โลจิสติกส์ เครื่องรัดกล่องยังมีบทบาทอย่างมากในการลดเวลา เพิ่มความแม่นยำ และ ช่วยลดต้นทุนแรงงานได้ในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องรัดกล่องมีหลายประเภท โดยเฉพาะ 3 รุ่นยอดนิยม ได้แก่ เครื่องรัดกล่องแบบมือโยก (Manual Strapping Machine) , เครื่องรัดกล่องกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Automatic Strapping Machine) และ เครื่องรัดกล่องอัตโนมัติ (Automatic Strapping Machine) โดยแต่ละแบบมีจุดเด่น จุดด้อย และ ความเหมาะกับลักษณะงานที่ต่างกัน ดังนั้นบทความนี้เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจ ความแตกต่างอย่างละเอียด พร้อมแนะแนวการเลือกให้คุ้มค่าที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ

 

เครื่องรัดกล่อง คือ อะไร และ ทำงานอย่างไร?

เครื่องรัดกล่อง คือ อุปกรณ์ที่ใช้ “สายรัดพลาสติก” (PP หรือ PET Strap) พันรอบกล่องสินค้า แล้วทำการ “ดึงรัด” ให้แน่นก่อน “เชื่อมสาย” ด้วยความร้อน หรือ การล็อกกลไก เพื่อให้กล่องสินค้าปิดสนิท ป้องกันการหลุด หรือ เปิดระหว่างขนส่ง โดยกลไกหลักๆของเครื่องรัดกล่องมีอยู่ 3 ขั้นตอนหลัก คือ สอดสายรัด รอบกล่อง จากนั้นดึงสายให้แน่น ตามระดับแรงดึงที่ต้องการ ต่อมาจะเชื่อม และ ตัดสาย เพื่อปิดจบกระบวนการ เพียงเท่านี้ สินค้าก็จะถูกบรรจุอย่างแน่นหนา พร้อมขนส่ง หรือ จัดเก็บได้ทันที

 

ประเภทของเครื่องรัดกล่องที่นิยมในปัจจุบัน

  1. เครื่องรัดกล่องแบบมือโยก (Manual Strapping Machine) เครื่องรัดกล่องแบบมือโยกเป็นรุ่นพื้นฐานที่สุด ผู้ใช้ต้องทำทุกขั้นตอนด้วยตนเอง ตั้งแต่สอดสาย ดึงรัด ไปจนถึงตัดสาย ใช้งานคู่กับเครื่องมือเสริม เช่น ตัวดึงสาย (Tensioner) และ ตัวหนีบล็อก (Sealer)

    ซึ่งมีข้อดีที่มีราคาถูกที่สุด เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก เคลื่อนย้ายสะดวก ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า , ใช้ได้กับสินค้าหลากหลายขนาด และ ซ่อมบำรุงง่าย ไม่มีระบบซับซ้อน

    แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องใช้แรงงานมาก ใช้เวลารัดนาน รวมถึงต้องอาศัยทักษะของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งอาจทำให้ความแน่นของสายไม่สม่ำเสมอกัน และ ไม่เหมาะกับการรัดจำนวนมากๆ

    ทำให้เครื่องรัดกล่องแบบนี้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก โรงงานที่รัดสินค้าจำนวนน้อย หรือ การใช้งานภาคสนามที่ไม่มีไฟฟ้า เช่น โรงเก็บสินค้าในพื้นที่ห่างไกล เป็นต้น

  2. เครื่องรัดกล่องกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Automatic Strapping Machine)
    เครื่องรัดกล่องกึ่งอัตโนมัติ เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงในภาคอุตสาหกรรมระดับกลาง ผู้ใช้งานเพียงแค่ สอดสายรัดเข้าที่กล่อง แล้วเครื่องจะทำการดึงรัด ตัดสาย และ เชื่อมสายให้อัตโนมัติในขั้นตอนสุดท้าย

    โดยมีข้อดีที่ใีความรวดเร็วกว่าแบบมือโยกหลายเท่า , ใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้แรงมาก , ให้แรงรัดที่สม่ำเสมอ และ เหมาะกับงานบรรจุในสายการผลิตปานกลาง

    แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน , ยังต้องใช้แรงคนในการสอดสาย และ ต้องการพื้นที่วางเครื่องที่เหมาะสม

    จึงเหมาะสำหรับ ธุรกิจ SME โรงงานผลิตสินค้าทั่วไป บริษัทขนส่ง หรือ คลังสินค้าที่มีปริมาณการรัดกล่องระดับกลาง (วันละหลักร้อยชิ้นขึ้นไป)

  3. เครื่องรัดกล่องอัตโนมัติ (Automatic Strapping Machine)
    เครื่องรัดกล่องอัตโนมัติรุ่นนี้เป็นระบบ Fully Automatic ผู้ใช้เพียงวางกล่องไว้บนแท่น เครื่องจะทำงานทุกขั้นตอนโดยอัตโนมัติ ทั้งสอดสาย ดึงรัด เชื่อม และ ตัดสาย ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีต่อกล่องเท่านั้น

    โดยมีข้อดีที่รวดเร็วที่สุด ประหยัดเวลาได้มาก , ให้แรงรัดที่แม่นยำ และ สม่ำเสมอทุกครั้ง , รองรับการใช้งานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง และ เชื่อมต่อกับสายพานลำเลียง (Conveyor) ได้อย่างลงตัว

    แต่ก็มีข้อเสียที่มีราคาสูงกว่ารุ่นอื่น โดยต้องการพื้นที่ติดตั้งมาก และ ต้องมีการดูแลระบบไฟ และมอเตอร์อย่างสม่ำเสมอ จึงเหมาะสำหรับ โรงงานขนาดใหญ่ ที่มีสายการผลิตอัตโนมัติ หรือ ศูนย์กระจายสินค้าที่ต้องรัดกล่องจำนวนมากต่อวัน

 

ปัจจัยในการเลือกซื้อเครื่องรัดกล่องให้เหมาะกับธุรกิจ

การเลือกเครื่องรัดกล่องไม่ใช่เพียงดูที่ราคา แต่ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ควบคู่กันเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. ปริมาณการใช้งานต่อวัน
    เครื่องรัดกล่องหากรัดกล่องไม่เกิน 50–100 ชิ้น/วัน การเลือกแบบมือโยกก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้ามากกว่า 300 ชิ้น/วัน ควรลงทุนรุ่นกึ่งอัตโนมัติ หรือ อัตโนมัติจะเหมาะสมกว่า

  2. ขนาด และ น้ำหนักของกล่อง
    กล่องขนาดใหญ่ หรือ สินค้าน้ำหนักมากๆ ควรใช้เครื่องรัดกล่องที่ให้แรงรัดสูง และ สม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการรัดกล่องที่หลวมระหว่างขนส่ง

  3. งบประมาณ และ ผลตอบแทนระยะยาว
    บางธุรกิจอาจเลือกเครื่องรัดกล่องราคาถูกแต่ต้องแลกมาด้วยการเสียเวลา และ แรงงานมาก ในขณะที่เครื่องอัตโนมัติจะมีราคาแพงกว่าแต่ช่วยประหยัดต้นทุนแรงงาน และ เวลาได้อย่างมหาศาล

  4. พื้นที่ติดตั้ง
    เครื่องรัดกล่องอัตโนมัติต้องการพื้นที่ในการวางมาก และ ต้องมีระบบไฟที่ปลอดภัย ส่วนเครื่องมือโยกสามารถพกพาได้สะดวกมากกว่า

  5. การรับประกัน และ บริการหลังการขาย
    ผู้ใช้ควรเลือกซื้อเครื่องรัดกล่องจากผู้จำหน่ายที่มีอะไหล่พร้อม บริการซ่อมบำรุงรวดเร็ว และ มีการรับประกันอย่างน้อย 1 ปี เพื่อให้สามารถไว้วางใจในการใช้งานในระยะยาวได้

 

จากที่กล่าวมาจะพบว่าการเลือกเครื่องรัดกล่องที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยให้กระบวนการบรรจุภัณฑ์มีประสิทธิภาพ แต่ยังสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพของธุรกิจในสายตาลูกค้าอีกด้วย ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุน ควรประเมินความต้องการจริงของธุรกิจให้รอบด้าน เพื่อให้เลือกเครื่องรัดกล่องที่ “คุ้มค่าที่สุด” ทั้งในแง่ต้นทุน และ ประสิทธิภาพการทำงานระยะยาว

ดังนั้นหากสนใจเครื่องรัดกล่องที่มีคุณภาพเราขอแนะนำ บริษัท กู๊ดไทม์ อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องบรรจุหีบห่อทุกชนิดมาอย่างยาวนาน มีสินค้ามากมายหลายชนิด เช่น เครื่องพันพาเลท เครื่องขึ้นรูปกล่องเครื่องรัดกล่อง เครื่องบดอเนกประสงค์ เครื่องบรรจุแนวนอน เครื่องบรรจุแนวตั้ง เครื่องซีลสูญญากาศ และ เครื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการบรรจุหีบห่อ ที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน ISO 9002 และ ได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัย CE จาก TUV ทำให้ท่านมั่นใจในสินค้าสามารถดูแลรักษาเครื่องได้อย่างมืออาชีพดังนั้นลูกค้าหลายๆคนจึงไว้วางใจในการบริการของเรานั้นเอง

ติดต่อสอบถาม
บริษัท กู๊ดไทม์ อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด

ที่อยู่ : 16 ซอยเลียบคลองภาษีเจริญฝั่งเหนือ 12 แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพฯ 10160

หมายเลขโทรศัพท์: 0-2807-6461 ถึง 9 (Auto)
หมายเลขโทรสาร: 0-2807-6460
อีเมล: sales@goodtimepack.comgoodtimepack@yahoo.co.th


โพสต์ก่อนหน้า
โพสต์ถัดไป